วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

นางงาม

  แสงสีงานวัดในยามราตรีที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ต่างเดินกันขวักไขว่ ดูการละเล่นที่มีให้เลือกมากมาย บ้างก็หยุดดูลิเกชั่วครู่ก็ผ่านไป เหลือเพียงหญิงชราหลายสิบคนนั่งดูพลางเช็ดน้ำหมากที่เริ่มไหลย้อย ส่วนหนุ่มสาววัยใสมักกระจายไปเป็นกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่อยู่ทั่วงาน ซึ่งผิดกับบรรดาเด็กๆ ที่แหงานคอเรียงรายแถวหน้าดูหนังกลางแปลงเป็นกลุ่มใหญ่  หนุ่มสาวนั้นจะเดินพล่านทั่วงานแวะโน้นทีแวะนี่ที มีบ้างเหมือนกันที่ปักหลักถาวรซึ่งก็เป็นที่ไว้ดิ้นกันจนฝุ่นกระจาย ที่เหลือก็ดูเหมือนจะเป็นเวทีประกวดนางงามในวัดแห่งนี้ โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มๆ วัยกำลังเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และบรรดาหนุ่มที่แก่แต่เพียงร่างกายส่วนใจนั้นดูจะคึกคักผิดวัย ส่วนสาวๆ ก็มากมีแต่จะเป็นสาววัยสะพรั่งซะส่วนใหญ่ ทุกคนต่างล้วนชะเง้อดูบนเวทีที่มีสาวๆ เดินยุรยาตรนวยหนาดให้เชยชม จนผู้ชมตาลายในความงามของบรรดาสาวๆ ที่ใส่ชุดไทยแสงแวววับระยิบระยับบนเวที ยิ่งช่วงนี้ผู้คนยิ่งระทึกตื่นเต้นเมื่อบรรดาสาวงามหยุดเดิน เพื่อรอฟังคำตัดสินที่จะประกาศอันใกล้นี้ จากสาวงามหลานสิบจนเหลือแค่สามที่ยังอยู่รอแย่งชิงมงกุฎกันต่อไป
          เมื่อสิ้นเสียงประกาศสาวงามคนที่สามผ่านเข้ารอบ ผู้ชมต่างปรบมือเกรียวกราวและรอฟังน้ำเสียงของแต่ละนางในการตอบคำถาม ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้โดยมีพิธีกรคู่ชายหญิงเดินเข้ามา สาวงามทั้งสามต่างยิ้มประชันกันอย่างสุดเหวี่ยง แต่ดูเหมือนจะมีสาวงามคนที่สามนับจากด้านขวาถูกใจผู้ชมมากที่สุด ข้อสำคัญหล่อนเป็นสาวต่างถิ่นที่ข้ามจังหวัดมาประชันโฉม โดยมีสาวตรงกลางเป็นมารเวทีที่มาจากถิ่นกำเนิดเดียวกับหล่อน ที่กำลังยืนยิ้มไม่ยอมหุบเพื่อพิชิตใจกรรมการ

                เวลาอันระทึกก็มาถึงแล้วนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเวลาผมจะให้สาวงามหมายเลขสามเป็นเลือกซองคำถามก่อนนะครับ พิธีกรชายยื่นซองให้สาวงามคนแรกเลือก

                ซึ่งสาวคนแรกนั้นเป็นสาวงามเจ้าของถิ่น แต่ดูเหมือนผู้คนในตำบลแห่งนี้ไม่ค่อยชอบหน้าหล่อนซะเท่าไร เพราะหน้าของหล่อนพอไปวัดไปวาได้ แต่เหตุไฉนหล่อนจึงผ่านมาถึงรอบชิงผู้คนในท้องถิ่นล้วนไร้ข้อกังขาเพราะรู้ดีว่าหล่อนเข้ามาได้อย่างไร

                ผมจะอ่านคำถามแล้วนะครับ ถ้าเกิดคุณเป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรีคุณจะช่วยผู้เป็นพ่อบริหารงานบ้านเมืองด้านไหนได้บ้างครับ

                สาวงามท้องถิ่น นามว่ากุลสตรี ฉวีวิไล เบิกตาขึ้นครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนเปล่งวาจาออกมา

                ถ้าเกิดดิฉันเป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรี ดิฉันจะติดตามคุณพ่อไปทุกหนทุกแห่งเพื่อโชว์ตัวให้ประชาชนได้รู้ว่ามีลูกสาวสวยค่ะ แล้วก็จะตั้งมูลนิธิเด็กเพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็ดิฉันจะช่วยเหลือเด็กทีถูกรังแกจากผู้ใหญ่ แล้วดิฉันจะตั้งโรงเรียนไว้สอนเด็กขาดแคลนทุนทรัพย์และก็เด็กพิการค่ะ เมื่อหล่อนพูดจบก็ไหว้อย่างนอบน้อมอีกครั้ง มีเสียงปรบมือหน้าเวทีกลุ่มเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นญาติ ๆหล่อนนั่นเอง

                เมื่อสาวงามเจ้าของถิ่นตอบคำถามเสร็จ ผู้ชมด้านหน้าได้แต่เบ้ปากแสยะยิ้ม  บ้างก็จับกลุ่มนินทาหล่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

                ปากก็หนา ดั้งก็แฟ่บ ไม่เห็นสวยเลย สาวนางหนึ่งที่หน้าตาไม่ได้แตกต่างจากสาวงามหมายเลขสามพูดขี้น

                ใช่ ที่เข้ารอบเพราะเส้นแน่ๆ ก็เพราะพ่อหล่อนเป็นกำนันนี่ สาวที่ยืนข้าง ๆ พูดขึ้นบ้าง

          “ มันอยู่แล้ว ตอบคำถามก็แสนจะเชย ทำเป็นคนดี แหมฉันรู้นิสัยของหล่อนดี นางคนนี้ไม่เห็นรักเด็กเลย โอ๊ยไม่อยากจะพูด

                เหรอ แต่ฉันว่าเบอร์ สิบเก้า คนท้ายสุดสวยนะ มาไกลซะด้วยน่าจะได้

          “ ฮือ ใช่ ฉันก็ว่าอย่างเธอนั่นแหละ

                ทั้งสองคุยกันกำลังเพลินก็ต้องหยุดชะงักทันที เมื่อพิธีกรสาวเปิดซองอ่านคำถามให้หมายเลขสิบ ที่ยืนอยู่ตรงกลางรอตอบคำถาม

                คำถามที่สองของหมายเลขสิบแล้วนะคะ ตื่นเต้นเหลือเกินดิฉันก็คาดว่าคุณลีลาวดี พรรณนาลาย ก็คงตื่นเต้นเหมือนกันใช่ไหมคะ

                ค่ะ หวานสาวงามหมายเลขสิบรับคำ ซึ่งในครั้งนี้หล่อนเปลื่ยนชื่อประกวดใหม่

                เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ดิฉันขออ่านคำถามเลยนะคะ ถ้าเกิดคุณได้ตำแหน่งนางงามจักรวาล คุณจะรณรงค์เพื่อช่วยมนุษยชาติด้านใดบ้างคะ

                สาวงามหมายเลขสิบซึ่งชื่อเล่นว่าหวาน รับไมค์มาจ่อที่ปากแต่ยังไม่ได้พูดอะไร หล่อนได้แต่ยิ้มให้กรรมการที่กำลังจ้องมองหล่อนอย่างจดจ่อ เมื่อหล่อนยิ้มให้ทุกคนเสร็จหล่อนจึงเริ่มพูดขึ้น

                ถ้าเกิดดิฉันเป็นนางงามจักรวาล ดิฉันจะรณรงค์ให้เกิดสันติภาพ ดิฉันอยากเห็นสันติภาพอยากให้ประชาชนโลกมีความสุข ไม่อยากให้เกิดสงครามเพราะสงครามไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาค่ะ เมื่อหล่อนพูดจบเสียปรบมือพอประมาณ

          “ นางงามกับสงครามช่างเข้ากันจริงๆ นะครับพิธีกรชายพลั้งเผลอปากพูดไปแบบไม่ทันคิด

                ก็ใครล่ะทำให้เกิดสงครามถ้าไม่ใช่ผู้ชาย ผู้หญิงอย่างเราต้องหาทางแก้ซิ

                ใช่ จริงด้วย ผมขออ่านคำถามซองสุดท้ายของหมายเลขสิบเก้าของคุณศิริวรรณลาเลยก็แล้วกัน ถ้าให้คุณเลือกระหว่างผู้ชายหล่อแต่จนกับผู้ชายรวยแต่ไม่หล่อคุณจะเลือกใครพิธีกรชายรีบพูดขี้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

          สาวงามหมายเลขสิบเก้ายกมือไหว้ท่านผู้ชมที่อยู่หน้าเวที หลังจากนั้นจึงรับไมค์มาแล้วก็พูดทันทีโดยไม่รั้งรอ ไม่เหมือนอย่างสาวงามสองคนก่อนหน้านี้ที่กว่าจะพูดได้ใช้เวลาพักใหญ่ ทั้งที่เป็นคำถามที่แทงใจดำของหญิงสาวยิ่งนัก ไม่ว่าตอบข้อไหนก็จะถูกมองในแง่ไม่ดีทั้งนั้น แต่หล่อนก็ต้องรีบตอบเพื่อจะได้ทำคะแนนทิ้งห่างสาวงามท่านอื่น

                ผู้ชายรวยแต่ไม่หล่อค่ะ ในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาก็อยากได้สามีที่สามารถดูแลเราได้ ถึงเขาจะไม่หล่อแต่ให้เราอยู่ได้อย่างไม่ลำบากและมีความสุข  ถ้าเขารักเราและนิสัยดีด้วยถือว่าเราโชคดีมาก ค่ะ ส่วนผู้ชายหล่อไม่ใช่ว่าไม่ดีนะค่ะ ถ้าเขารักเราจริงเขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาสามารถดูแลเราได้ และเรารักเขา ดิฉันก็พร้อมจะอยู่กับเขาได้ค่ะ แต่ถ้าในเวลานี้ขอตอบผู้ชายรวยแต่ไม่หล่อค่ะ เมื่อหล่อนพูดจบเสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวทันที ดังมากแล้วก็ดังนานดังกว่าสาวงามสองคนแรก

                คนดูต่างพูดถึงหล่อนในแง่ต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่จะลงความเห็นกันว่าเธอตอบคำถามดี เพราะถ้าตอบว่าผู้ชายหล่อแต่ไม่รวย เหมือนไม่จริงใจดูหลอกๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่หล่อนก็ฉลาดที่จะตอบไปตามกระแสสังคม

                ระหว่างรอผลคะแนนสาวงามทั้งสามจึงเดินเข้าไปหลังเวที โดยมีบรรดาพี่เลี้ยงมาประคบประงมอย่างใกล้ชิด ซึ่งสาวงามหมายเลขสามจะถูกเอาใจเป็นพิเศษ พี่เลี้ยงหลายนางต่างพัดหวีมือระวิงแต่หล่อนก็ยังไม่วาย ตวาดพี่เลี้ยงกระเจิงแถมมองสาวงามต่างถิ่นสองนางอย่างดูแคลน

                สาวงามเบอร์สิบรู้สึกขุ่นใจการกระทำของสาวงามเจ้าของถิ่น จนเกือบเข้าไปตบแต่ก็ยังดีที่พี่เลี้ยงซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ห้ามปรามไว้ ซึ่งผิดกับสาวงามตัวเต็งหมายเลขสิบเก้านามมะปรางซึ่งเป็นชื่อเล่นของหล่อน มีแต่ความนิ่งเฉยไร้การตอบโต้โดยมีพี่เลี้ยงซึ่งเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยที่หล่อนทำงานยืนอยู่ข้างๆ

                มะปรางรู้มั้ยว่าหนูตอบคำถามดีมากเลยนะ เพราะคำถามนี้เป็นคำถามปราบเซียนพี่เลี้ยงนามราตรีพูดขี้น

                จริงเหรอคะ แต่กรรมการเขาจะว่าหนูพูดดีหรือเปล่าก็ไม่รู้

          “ แน่นอนอยู่แล้ว น้าเห็นกรรมการหลายท่านทำหน้าพอใจหนูอยู่นะ

          “ ถ้าเป็นจริงอย่างนั้นก็คงจะดีมาก

                แน่นอนอยู่แล้วเจ๊ราตรีมองมะปรางอย่างเอ็นดู

                ในขณะที่เจ๊ราตรีกับมะปรางพูดคุยกันอยู่นั้น พี่เลี้ยงของหวานนางงามเบอร์สิบซึ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกันแอบมองมะปรางอยู่ห่าง ๆ ยิ่งเห็นมะปรางชัดๆ สินีพี่เลี้ยงและน้าของหวานหวั่นวิตกยิ่งนัก กลัวหลานสาวตัวเองจะพลาดท่าให้แก่มะปราง ซึ่งสวยคมผิวสีน้ำผึ้งยามขึ้นเวทีช่างงามสง่า ช่างแตกต่างกับหวานหลานสาวตัวเอง ที่ขาวปานหยวกกล้วย พอยามขึ้นเวทีเป็นรองมะปรางอย่างเด่นชัด

                น้ามองนังมะปรางทำไมหวานสะกิดแขนผู้เป็นน้าอยู่หลายครั้ง

                ก็มองดูว่ามันจะสู้เองได้มั้ย

          “ ถ้ากรรมการไม่เข้าข้างมัน หนูได้อยู่แล้ว

          “ มั่นใจอย่างนั้นเชียว

          “ ค่ะ หนูมั่นใจมาก ว่าครั้งนี้ต้องชนะ หล่อนเชิดหน้าขึ้น

                ถ้าเกิดไม่ชนะล่ะ

          “ ทำไมน้าแช่งหนูอย่างนี้ หล่อนปราดสายตามองที่น้าสาว

                ก็พูดเผื่อไว้แค่นั้นเอง

          “ ถ้าเกิดมะปรางมันได้ มันต้องไปนอนกับกรรมการมาแน่นอนเลยค่ะ

          “ ไปว่าเขาสินีรู้สึกสะอึกกับคำพูดของหวาน ที่กระทบใจหล่อนเพราะครั้งที่หล่อนยังสาวก็ทำเช่นเดียวกับคำพูดของหวาน

                ไม่ได้ว่าหรอกค่ะ เรื่องจริง หนูรู้กำพืดมันดี หล่อนแอบมองมะปรางอย่างหยามเหยียด

                เลิกพูดได้แล้ว ใกล้เวลาขึ้นเวทีแล้ว รีบๆ เตรียมตัวยิ้มแต่เนิ่น ๆ  เถอะ

                หนูเบื่อจังไอ้รอยยิ้มที่น้าสอนหนูเนี่ย ให้พูดสิบสี่แล้วค้างไว้

                เบื่อก็ต้องทน ถ้าอยากได้มงกุฏ

          “ ค่ะ ค่ะ สิบสี่ หล่อนพูดแบบประชด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขออนุญาดแอดมินนะครับ
ฝากซีรี่ เรื่องเสียวซีรีย์เกย์ รัก กามรมย์
http://www.tunwalai.com/story/238309

เล่าเรื่องเสียวเกย์ รัก กามรมย์
http://www.tunwalai.com/story/234926/

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น